คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ สายการบิน Emirates เจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก

ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK 371

เดินทางถึงสนามบินดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จากนั้นให้ท่านแวะเปลี่ยนเครื่อง

ออกเดินทางจากสนามบินดูไบ โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK 123

ถึงสนามบินเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรเคีย (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง) ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง และรับสัมภาระ นำท่านเดินทางเข้าสู่เขตเมืองอิสตันบูล เมืองหลวงของตุรเคีย เดิมชื่อ คอนสแตนติโนเปิล เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรเคีย ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส Bosphorus ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลกที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย) ซึ่งในอดีต อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญของชนเผ่าจำนวนมากในบริเวณนั้น จึงส่งผลให้อิสตันบูลมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป

นำท่าน เข้าชมสวนอีเมอร์กัน Emirgan Park สวนสาธารณะขนาดใหญ่กลางนครอิสตันบูล ซึ่งที่นี่มีชื่อเสียงเรื่องเป็นศูนย์กลางของการจัดเทศกาลดอกไม้ของทุกปี ซึ่งดอกไม้ที่จัดแสดงโชว์ที่นี่จะเปลี่ยนไปตามแต่เดือนและสภาพอากาศ ** โดยทั่วไปดอกทิวลิปจะเริ่มบานช่วงเดือนเมษายน - กลางเดือนพฤษภาคม ดอกกุหลาบจะบานช่วงกลางพฤษภาคมเป็นต้นไป แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปี **

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

Radar Hotel Istanbul หรือเทียบเท่า

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางเข้าสู่ จัตุรัสสุลต่านอาห์เหม็ด Sultan Ahmed Complex มีชื่อเรียกโบราณคือ ฮิปโปโดรม Hippodrome ตั้งอยู่หน้าสุเหร่าสีน้ำเงิน เดิมเป็นลานแข่งรถม้าและศูนย์กลางเมืองในยุคไบแซนไทน์ ถ่ายรูปภายนอกของ สุเหร่าเซนต์โซเฟีย Mosque of Hagia Sophia หรือชื่อในปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์ฮาเยียโซเฟีย Ayasofya Museum เดิมเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนา นิกายออร์โธดอกส์ ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง และ ถือเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง จุดเด่นอยู่ที่ยอดโดมขนาดมหึมากลางวิหารและนับเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ที่ดีที่สุด

นำท่านเข้าชมสุเหร่าสีน้ำเงิน Blue Mosque สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา ที่มีความสวยงามแห่งหนึ่ง ชื่อนี้ได้มาจากกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินที่ใช้ปูตลอดแนวฝาผนังด้านใน และถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นวังของจักรพรรดิไบเซนไทน์ โดยสุลต่านอาห์เหม็ตที่ 1 ค.ศ.1609 ใช้เวลาสร้างทั้งหมด 7 ปี **โปรดแต่งกายด้วยชุดสุภาพ สำหรับการเข้าชมมัสยิด และจำเป็นต้องถอดรองเท้าเข้าชม ** - สุภาพสตรี ควรสวมกางเกงขายาวคลุมข้อเท้า เสื้อแขนยาวคลุมข้อมือมิดชิดไม่รัดรูปและเตรียมผ้าสำหรับคลุมศีรษะ - สุภาพบุรุษ สวมกางเกงขายาวและเสื้อไม่รัดรูป

นำท่านสู่จุดเช็คอินยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งบนชั้นดาดฟ้า (Roof Top) ของ โรงแรมเซเว่นฮิลล์ส Seven Hills ถ่ายรูปกับวิวแสนงามของช่องแคบบอสฟอรัส, สุเหร่าสีน้ำเงินและสุเหร่าฮาเกียโซเฟียเข้าด้วยกัน กับเหล่านกนางนวลที่อยู่โดยรอบ พร้อมเครื่องดื่ม Soft Drink ท่านละ 1 แก้ว เรียกได้ว่าเป็นทัศนียภาพที่งดงามแบบสุดๆ

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

นำท่านเดินทางสู่เมืองชานัคคาเล Canakkale เมืองสำคัญอันดับ 1 ของประเทศ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชั่วโมง) ให้เวลาท่านชมและถ่ายรูปคู่กับม้าไม้ Trojan Horse ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บริเวณริมทะเล มีความโด่งดังมากที่สุดจากมหากาพย์ภาพยนตร์เรื่องทรอย Troy เป็นหนึ่งในอาวุธยุทโธปกรณ์อันชาญฉลาดในสมัยนั้นที่ชาวกรีกใช้อุบายส่งม้าไม้ให้เมืองทรอยเพื่อเป็นของกำนัล แต่ได้แอบบรรจุคนมาในม้าไม้เพื่อเข้ามาเปิดประตูเมืองทรอย ให้ทหารเข้าเมืองจนทำให้เมืองทรอยล่มสลาย ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลการศึกของนักรบโบราณ อิสระถ่ายภาพเป็นที่ระลึกตามอัธยาศัย

Iris Hotel Canakkale หรือระดับเทียบเท่า

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารของโรงแรม

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล Pamukkale (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6.30 ชั่วโมง) เป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นที่มีแร่หินปูน (แคลเซียมออกไซด์) ผสมอยู่ในปริมาณที่สูงมาก ไหลรินลงมาจากภูเขา “คาลดากึ” ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือ รินเอ่อล้นขึ้นมาเหนือผิวดิน และทำปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้ว เป็นแอ่ง เป็นชั้น ลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศ เกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติ อันสวยงามแปลกตาที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ยากจะหาที่ใดเหมือน

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

นำท่านเข้าชมปราสาทปุยฝ้าย Cotton Castle ซึ่งเกิดจากน้ำแร่ร้อนที่มีแร่ธาตุแคลเซี่ยมคาร์บอเนต มาตกตะกอนเกิดเป็นลักษณะหน้าผา ซ้อนกันเป็นชั้นน้ำตก มีสีขาวคล้ายกับสร้างมาจากปุยฝ้าย ซึ่งน้ำแร่ที่ไหลลงมาแต่ละชั้นจะแข็งเป็นหินปูน ย้อยเป็นรูปร่างต่างๆอย่างสวยงามและน่าอัศจรรย์ น้ำแร่นี้มีอุณหภูมิตั้งแต่ประมาณ 35-100 องศาเซลเซียส ประชาชนจึงนิยมไปอาบหรือนำมาดื่ม เพราะเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาโรคหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ ความดันโลหิตสูง โรคทางเดินปัสสาวะ และโรคไต ในอดีตกาลชาวโรมันเชื่อว่าน้ำพุร้อนสามารถรักษาโรคได้ จึงได้สร้างเมืองเฮียราโพลิสล้อมรอบ ปัจจุบันเมืองปามุคคาเลและเมืองเฮียราโพลิส ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1988 สำคัญอื่นๆ นำท่านชมเมืองโบราณเฮียราโพลิส Hierapolis ในอดีตเป็นสถานที่บำบัดโรค ก่อตั้งโดยกษัตริย์ยูเมเนสที่ 1แห่งแพร์กามุม ในปี 190 ก่อนคริสต์กาล สถานที่แห่งนี้มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นหลายครั้งหลังปี ค.ศ 1334 จึงไม่มีคนอาศัยอยู่อีก ศูนย์กลางของเฮียราโพลิสเป็นบ่อน้ำที่ศักสิทธิ์ ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ในปามุคคาเล สถานที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ปามุคคาเล โรงอาบน้ำโรมัน โบสถ์สมัยไบแซนไทน์

นำท่านแวะ โรงงานผลิตเครื่องหนัง Leather Factory ซึ่งประเทศตุรกีเป็นประเทศที่มีฐานการผลิตเครื่องหนังคุณภาพสูงที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก ทั้งยังผลิตเสื้อหนังให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี อาทิ Versace, Prada, Michael Kors อีกด้วย อิสระให้ท่านเลือกชมผลิตภัณฑ์จากเครื่องหนัง

Pam Thermal hotel หรือเทียบเท่า

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารของโรงแรม จากนั้นให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านออกเดินทางสู่เมืองคอนย่า Konya ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจูคในช่วงปี ค.ศ. 1071-1308 รวมทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาคแถบนี้อีกด้วย ระหว่างทางให้ท่านได้ชมทัศนียภาพสองข้างทางสบายๆที่งดงามตามธรรมชาติตลอดสองฝั่งทางของประเทศตุรกี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.45 ชั่วโมง)

นำท่านแวะถ่ายรูปกับพิพิธภัณฑ์เมฟลานา Mevlana Museum เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1231 โดย เมฟลานา เจลาเลคดิน รูบี ซึ่งเชื่อกันว่า ชายคนนี้เป็นผู้วิเศษของศาสนาอิสลาม หรือเรียกได้ว่าเป็นผู้ชักชวนคนที่นับถือศาสนาคริสต์ให้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม โดยมีพื้นฐานอยู่บนความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

นำท่านเดินทางสู่เมืองคัปปาโดเกีย Cappadocia ชื่นชมดินแดนที่มีภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์ซึ่งเกิดจากลาวาภูเขาไฟที่ไหลออกมาปกคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง แล้วทับถมเป็นเวลาหลายล้านปี เมื่อวันเวลาผ่านไป พายุ ลม ฝน และหิมะได้เป็นกัดเซาะแผ่นดิน มาเรื่อยๆ ก่อให้เกิดการแปรสภาพเป็นหุบเขาร่องลึก เนินเขา กรวยหินและเสารูปทรงต่างๆ เกิดเป็นภูมิประเทศที่งดงาม แปลกตาและน่าอัศจรรย์ ดั่งสวรรค์บนดิน จนได้ชื่อว่า “ดินแดนแห่งปล่องนางฟ้า” และได้รับการแต่งตั้งจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) ระหว่างผ่านชมและถ่ายรูปกับคาราวานสไร Caravanserai ที่พักกองคาราวานในอดีตของสุลต่านฮานี สร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 13 ประตูทำด้วยหินอ่อนสกัดลวดลายโบราณ ตรงกลางเป็นสุเหร่า ส่วนบริเวณอื่นจัดเป็นครัว ห้องน้ำ และห้องนอน

Crystal Kaymakli หรือเทียบเท่า

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารของโรงแรม

** สำหรับท่านใดที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความงามของเมืองคัปปาโดเกีย จะต้องออกจากโรงแรม 05.00 - 05.30 น.ชมความงดงามของเมืองคัปปาโดเกียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก ใช้เวลาอยู่บอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง การขึ้นบอลลูน เป็นไฮไลท์ของเมืองคัปปาโดเกียและจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก หากท่านใดสนใจกิจกรรมการขึ้นบอลลูนและกิจกรรมอื่นๆ รายละเอียดดังนี้ 1.บอลลูนทัวร์ (Balloon Tour) ชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียในมุมสูงที่หาได้ยากยิ่ง จำเป็นต้องออกจากที่พักประมาณ 05.00-05.30 น. โดยมีรถท้องถิ่นรับไปขึ้นบอลลูน ใช้เวลาเดินทางจากที่พักไปขึ้นบอลลูน ประมาณ 30-45 นาที อยู่บนบอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่าย ประมาณ 300 USD / ท่าน **หมายเหตุ: ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2568 เป็นต้นไป สำหรับกิจกรรมเลือกซื้อบอลลูนทัวร์ ชมความงามเมืองคัปปาโดเกียจากมุมสูง จะทำการปรับอัตราค่าบริการ เป็น 300 USD / ท่าน** 2.Jeep Safari ชมความงดงามของเมืองคัปปาโดเกียทางภาคพื้นดิน รถท้องถิ่นมารับออกจากที่พักประมาณ 05.00 – 06.00 น. เที่ยวชมเมืองประวัติศาสตร์นับล้านปี ชมความงามของหุบเขาที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติสรรค์สร้าง การชมความงามนี้เป็นไปตามเส้นทางที่รถเล็กสามารถเข้าถึงได้ ใช้เวลาอยู่บนรถจี๊ปประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายประมาณ 120 USD / ท่าน (4 ท่าน / คัน) 3.Classic Car นั่งรถคลาสสิค เปิดประทุน สูดอากาศ เย็น สดชื่น พร้อมชมบอลลูนสีสดใส วิวเมืองคัปปาโดเกีย ค่าใช้จ่ายประมาณ 120 USD / ท่าน (4 ท่าน / คัน) (กิจกรรมดังกล่าว ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและสภาพอากาศและเอื้อำนวยในแต่ละวัน ทั้งนี้จะคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้เดินทางเป็นสำคัญ, ประกันภัยที่ทำจากเมืองไทย ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูนและกิจกรรม Optional Tour ดังกล่าวทุกชนิด) *โปรดติดต่อสอบถามแจ้งความจำนงกับหัวหน้าทัวร์โดยตรง ทางบริษัทฯ เป็นเพียงตัวกลางในการให้ข้อมูลและคำแนะนำเท่านั้น* คำแนะนำเพิ่มเติมเมื่อท่านสนใจ Optional Tour - เนื่องด้วยข้อกำหนดของเวลา ท่านจำเป็นต้องเลือกซื้อแพ็คเก็จทัวร์เสริมอย่างใดอย่างหนึ่ง - ท่านที่เมารถ กรุณาทานยาแก้เมารถล่วงหน้าอย่างน้อย 30 นาที ก่อนออกเดินทางและควรแจ้งให้หัวหน้าทัวร์ทราบตั้งแต่ก่อนวันเดินทาง (ตั้งแต่อยู่ประเทศไทย เพื่อเตรียมยาแก้เมารถจากประเทศไทยไปล่วงหน้า) - กิจกรรมนี้ไม่อนุญาตให้ผู้ที่เป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรง, ตั้งครรภ์ หรือ เด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี เข้าร่วมโดยเด็ดขาด กรณีเกิดความเสียหายไม่ว่ากรณีใดๆ ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการรับผิดชอบทุกกรณี สำหรับท่านที่ไม่สนใจโปรแกรมเสริมพิเศษ ท่านสามารถพักผ่อนรอคณะอยู่ที่โรงแรมที่พัก

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านชมนครใต้ดิน Cardak Underground City ซึ่งเป็นที่หลบซ่อนจากการรุกรานของข้าศึกพร้อมทั้งยังมีระบบระบายอากาศและสภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ใต้ดินพร้อมสรรพ ทั้งห้องโถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น แต่ว่าอากาศในนั้นถ่ายเทเย็นสบาย หน้าร้อนอากาศเย็น หน้าหนาวอากาศอบอุ่น มีอุณหภูมิเฉลี่ย 17-18 องศาเซลเซียส และด้วยการออกแบบที่ดี มีทางออกฉุกเฉินที่เป็นทางระบายอากาศไปในตัวทำให้อากาศถ่ายเท

นำท่านเดินทางสู่ Avanos Valley ชมหมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผาเอวานอส หมู่บ้านเก่าแก่เล็กๆ มี ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบออตโตมันดั้งเดิมมีชื่อเสียงด้านเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิค แวะชมโรงงานทอพรม Carpet Factory โรงงานเซรามิคและโรงงานเครื่องประดับ Jewelry คุณภาพดีของประเทศตุรกี ให้เวลาท่านเลือกซื้อตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หุบเขาเกอเรเม Goreme Valley มีเอกลักษณ์คือภูมิทัศน์อันสวยงามและน่าอัศจรรย์ ซึ่งรอบๆ บริเวณนี้เต็มไปด้วยหินรูปทรงประหลาดต่างๆ เป็นจำนวนมากที่สร้างขึ้นโดยธรรมชาติ ผู้คนนิยมมาถ่ายภาพเช็คอินและยังสามารถชมทัศนียภาพอันงดงามแบบพาโนรามาได้อีกด้วย

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

นำท่านเดินทางไปถ่ายภาพที่ หุบเขานกพิราบ Pigeon Valley เป็นจุดชมวิวที่อยู่ตรงบริเวณหน้าผาที่ชาวเมืองโบราณได้ขุดเจาะเป็นรูไว้ เพื่อให้นกพิราบเข้าไปทำรังอาศัยอยู่อย่างมากมาย บริเวณริมผามีต้นไม้จำลองที่เต็มไปด้วยดวงตาสีฟ้าแขวนอยู่โดดเด่น ด้วยเรื่องของความเชื่อกับผู้คนนั้นเป็นของคู่กันมาเนิ่นนาน เช่นกันกับดินแดนแถบนี้ที่มีความเชื่อเรื่องนัยน์ตาปีศาจ

นำท่านแวะถ่ายรูปกับ ปราสาทหินยูชิซาร์ Uchisar Castle เป็นปราสาทหินธรรมชาติตั้งแต่สมัยโรมันไบเซนไทน์ ที่ในอดีตใช้เป็นป้อมปราการสำหรับส่งสัญญาณเตือนภัย และยังให้ท่านชมทัศนียภาพที่สวยงามแบบพาโนรามาอีกด้วย สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางกลับเข้าสู่ที่พักในคัปปาโดเดีย

Cave Style Hotel Cappadocia หรือเทียบเท่า

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารของโรงแรม

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่เมืองอังการ่า Ankara เมืองหลวงในปัจจุบันของตุรกี เมืองแห่งมนต์เสน่ห์ที่ผสมผสานกันระหว่างยุโรปและตะวันออกกลางอย่างลงตัว เมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะโรมัน และมัสยิดในศิลปะไบเซนไทน์ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) ระหว่างทางนำท่านแวะชมทะเลสาบเกลือ Salt Lake ทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของตุรกี และเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่มีเปอร์เซ็นต์ของเกลือสูงในหน้าร้อนน้ำทะเลสาบจะเหือดแห้งเหลือเพียงแต่กองเกลือที่ตกผลึกเป็นแผ่นหนาหลายสิบเซนติเมตรมองเห็นเป็นพื้นสีขาวสุดสายตาและที่ทะเลสาบเกลือแห่งนี้ยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง Star War ด้วย

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

นำท่านเดินทางสู่ สุสานอตาเติร์ก Ataturk Mausoleum อนุสรณ์สถานและสุสานของ Mustafa Kemal Ataturk ซึ่งเป็นผู้นำในสงครามกู้ อิสรภาพของตุรกีหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกี และประธานาธิบดีคนแรกเป็นสุสานของ Ismet Inonu ประธานาธิบดีคนที่ 2 ของตุรกีด้วย อนุสรณ์สถานออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1944-1953 ในธนบัตรตุรกีที่พิมพ์ระหว่างปี 1966-1987 และ 1999-2009 จะเป็นรูป Anitkabir ด้วย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เอสเคเซีย Eskisehir เมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือของตุรเคีย (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) โดยเมืองตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Porsuk เป็นเมืองที่ถูกขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งการศึกษา เนื่องจากเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำมากมายของประเทศตุรเคีย จึงถือเป็นเมืองที่มีความเก่าแก่และมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ของประเทศตุรเคียอีกด้วย และด้วยความที่เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำจึงทำให้เกิดลำน้ำและคลองมากมายในเมืองแห่งนี้ จนได้รับการขนานนามจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวตุรกีและฝั่งยุโรปว่า “เวนีสแห่งตุรเคีย”

นำท่านเข้าชม สวนแห่งเทพนิยายซาโซวา (Sazova Park) หรือชื่อเต็มว่า Eskişehir Science, Art and Culture Park เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองเอสเคเซีย (Eskişehir) หนึ่งในเมืองมหาวิทยาลัยที่มีชีวิตชีวาและเจริญรุ่งเรืองที่สุดของประเทศตุรกี สวนแห่งนี้เปิดให้บริการเมื่อปี ค.ศ. 2008 บนพื้นที่กว่า 400,000 ตารางเมตร โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นศูนย์รวมแห่งการเรียนรู้ ศิลปะ วัฒนธรรม และการพักผ่อนของประชาชน ภายในประกอบด้วยหลายโซนสำคัญ เช่น ปราสาทเทพนิยาย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เด่นของสวน จำลองบรรยากาศของปราสาทในเทพนิยายยุโรป ผสมผสานสถาปัตยกรรมตุรกีเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ปราสาทแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงจุดถ่ายภาพยอดนิยมเท่านั้น แต่ยังจัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชน เรือโจรสลัด (Pirate Ship) ตั้งอยู่กลางทะเลสาบจำลองขนาดใหญ่ ให้บรรยากาศผจญภัยและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงครอบครัวยอดนิยม ศูนย์วิทยาศาสตร์ (Science and Experiment Center) ที่จัดแสดงนิทรรศการเชิงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม รวมถึง สวนสัตว์ขนาดเล็ก (Mini Zoo), ศูนย์วัฒนธรรมตุรกี-ญี่ปุ่น, และ พื้นที่สีเขียวสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ อิสระให้ท่านได้เดินเล่นตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

Anemon Eskisehir หรือระดับเทียบเท่า

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่เมืองอิสตันบูล Istanbul เมื่องสำคัญอันดับ 1 ของประเทศ เดิมชื่อ คอนสแตนติโนเปิล เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง)

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือ เพื่อนำท่านล่องเรือเฟอร์รี่ช่องแคบบอสฟอรัส ช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ The Black Sea เข้ากับทะเลมาร์มาร่า Sea of Marmara ความยาวทั้งสิ้นประมาณ 32 กิโลเมตร ความกว้างตั้งแต่ 500 เมตร จนถึง 3 กิโลเมตร ถือว่าสุดขอบของทวีปยุโรปและสุดขอบของทวีปเอเชียมาพบกันที่นี่ และแบ่งประเทศตุรเคียออกเป็นฝั่งเอเซียและยุโรป นำท่านล่องเรือชมความสวยงามของอาคารต่างๆ ริมฝั่งช่องแคบบอสฟอรัส สู่ย่านการค้าเก่าแก่ที่คึกคักแห่งหนึ่งของกรุงอิสตันบูล แวะตลาดสไปซ์ มาร์เก็ต Spice Market หรือตลาดเครื่องเทศ ท่านสามารถเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ ชาหรือกาแฟ รวมถึงผลไม้อบแห้งอันขึ้นชื่อของตุรกี อย่าง แอปริคอท หรือจะเป็นถั่วพิทาชิโอ ซึ่งมีให้เลือกซื้อมากมาย รวมถึงแวะร้านของฝาก Candy Shop หรือร้านเตอร์กิชดีไลท์ ขนมหวานขึ้นชื่อของตุรเคีย เป็นลักษณะขนมหวานทรงลูกเต๋า ทำจากแป้งและน้ำตาลมักมีอัลมอนด์ พิทาชิโอ วอลนัทและแมคคาเดเมียเป็นส่วนผสม จัดว่าเป็นของฝากที่ห้ามพลาดเมื่อเดินทางมาเยี่ยมเยือนประเทศตุรเคีย

จากนั้นนำท่านสู่ ย่านทักซิม สแควร์ Taksim Square เป็นย่านคึกคักที่สุดในมหานครอิสตันบูล และเป็นจุดศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ตั้งอยู่ในเขตยุโรปของนครอิสตันบูล คำว่า Taksim หมายถึง การแบ่งแยก หรือ การกระจราย ซึ่งมีที่มาจากในรัชสมัยของ Sultan Mahmud I สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของอ่างเก็บน้ำในยุคของออตโตมันและเป็นจุดที่สายน้ำจากทางตอนเหนือถูกรวบรวมและกระจายออกไปยังส่วนอื่น ๆ ของเมือง นอกจากนี้คำว่า Taksim ยังหมายถึงรูปแบบดนตรีพิเศษในเพลงคลาสสิคของตุรกีอีกด้วย ระหว่างที่เราเดินเพลินบางช่วงเวลาจะมีรถรางสีแดงที่วิ่งมาตามรางมีกิจกรรมพิเศษบนรถรางได้นักท่องเที่ยวได้เห็นการแสดงต่างบนรางได้ตลอดเวลานอกจากนี้ Taksim Square ยังรายล้อมไปด้วยร้านอาหารตุรกี, ร้านค้า, ผับ, คาเฟ่และร้านอาหารจานด่วนนานาชาติมากมายได้แก่ Pizza Hut, Mc Donald’s, Subway และ Burger King และสินค้าแบรนด์เนม ชื่อดัง อื่น ๆ อีกมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินได้ตลอด

อิสระอาหารค่ำ ตามอัธยาศัย

Radar Hotel Istanbul หรือเทียบเท่า

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเข้าชมมัสยิดคามลิก้า Camlica Great Mosque ที่ได้รับการบันทึกว่าเป็นมัสยิดที่มีรูปแบบทันสมัยด้วยสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานอย่างลงตัวของบาร็อคและเซลจุก และมีขนาดใหญ่ที่สุดของตุรเคียโดยมีเนื้อที่กว่า 57,500 ตารางเมตร จุผู้คนได้ถึง 63,000 คน มีหอคอยสูงตระหง่านถึง 6 หอคอย สื่อถึงชัยชนะของชาวเติร์กที่ชนะในการทำสงครามกับพวกไบเซนไทน์เมื่อปี ค.ศ.1071 และโดมหลักมีความสูงกว่า 72 เมตรสามารถมองเห็นได้จากทุกทิศทางของกรุงอิสตันบูล (มัสยิดไม่สามารถเข้าชมได้ กรณีที่มีการทำละหมาด) จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับความงดงามของมัสยิดออร์ตาคอย Ortakoy Mosque หนึ่งในเขตที่สวย ที่สุดของบอสฟอรัสด้วยสถาปัตยกรรมอันหรูหราของมัสยิดบวกกับทัศนียภาพของสะพานบอสฟอรัส Bosphorus Bridge ที่ทอดยาวเชื่อมต่อระหว่างยุโรปและเอเซียเข้าด้วยกัน และยังเป็นหนึ่งในสามของสะพานแขวนที่มีชื่อเสียงในเส้นทางช่องแคบบอสฟอรัส เรียกได้ว่าเป็นจุดเช็คอินและถ่ายรูปที่งดงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งในย่านเขตเมืองอิสตันบูล

อิสระอาหารกลางวัน ตามอัธยาศัย

นำท่านเดินทางสู่ สุเหร่าเอยูบสุลต่าน (Eyüp Sultan Mosque) มีความสำคัญทางศาสนา ประวัติศาสตร์ และ วัฒนธรรมอย่างมาก หนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวมุสลิม ที่นอกเหนือจากนครเมกกะ (Mekkah) และ นครเมดินา (Madinah) ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในอดีตเป็นศูนย์กลางสถานที่ประกอบพิธีราชาภิเษกของสุลต่านจักรวรรดิออตโตมันองค์ใหม่และยังเป็นสถานที่ฝั่งศพของ อบู อัยยูบ อัล-อันซารี (Abu Ayyub al-Ansari) ซึ่งเป็นสหายใกล้ชิดของศาสดามูฮัมหมัด นำท่าน นั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นชมเนินเขาปิแอร์ โลตี (Pierre Loti) จุดชมวิวชื่อดังในอิตันบูล มองเห็นวิว Golden Horn, เมืองเก่า โดยเฉพาะเวลาพระอาทิตย์ใกล้ตกดินสวยงามยิ่งนัก ด้านบนเนินเขายังมีร้านขายของฝาก ของที่ระลึกตั้งอยู่มากมาย รวมทั้งคาเฟ่ที่ตกแต่งสไตล์ออตโตมัน

จากนั้นนำท่านสู่บารัต Balat ย่านที่เต็มไปด้วยสีสันมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม บ้านหลากสีสัน (Colorful House หรือ Balat Old Houses) ชุมชนเก่าแก่หลายหลังที่มีเสน่ห์ สีสันสดใสตั้งเรียงรายกันอย่างสวยงาม นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินถ่ายรูปสุดฮิตแห่งใหม่ของอิสตันบูล

และนำท่านถ่ายรูป Galata Tower หอคอยหินสไตล์โรมันเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของเมืองอิสตันบูล ถูกสร้างขึ้นในปีถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1348 เพื่อแทนที่หอคอยกาลาตาเก่าในยุคบาเซนไทน์บริเวณชั้นบนของหอคอยกาลาตา มีร้านอาหารและคาเฟ่ไว้คอยบริการ ซึ่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของบอสฟอรัส ถนนใกล้เคียงในเขตกาลาตาคาราค็อยอันเก่าแก่ และบริเวณโดยรอบของนครอิสตันบูล ท่านสามารถอิสระลองลิ้มชิมรสร้านดัง อาทิ สเต็ก, เบอร์เกอร์ เป็นต้น ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม ซอลเบ Saltbae เจ้าของภัตตคารสไตล์ตุรกีชื่อ Nusret Gökçe ที่มีเทคนิคในการเตรียมและปรุงรส ซึ่งสร้างชื่อเสียงมาตั้งแต่ปี 2017 ด้วยท่วงท่าโรยเกลือลงบนสเต็กอย่างมีสีสันจนกลายเป็นไวรอลในโลกออนไลน์ ทำให้มีผู้ติดตามเป็นอย่างมากและปัจจุบันมีสาขาอยู่มากมายหลายแห่งด้วยกัน

สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางสู่สนามบินอิสตันบูล

นำท่านเดินทางออกจากสนามบินอิสตันบูล โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK118

เดินทางถึงสนามบินดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

เดินทางออกจากสนามบินดูไบ โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK370

เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ